วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ

ลักษณะเซลล์สืบพันธุ์  แบ่งตามรูปร่าง
1. ไอโซแกมีต (Isogamete) เซลล์สืบพันธุ์จะมีรูปร่างและขนาดเหมือนกัน  เช่นมีลักษณะกลมเหมือนกัน  เล็กเท่ากันไม่สามารถแยกว่าเป็นเซลล์สืบพันธุ์ตัวผู้หรือตัวเมียได้  พบในโปรติสต์บางชนิด (A)
2. เฮตเทอโรแกมีต (Heterogamete)  เซลล์สืบพันธุ์มีความแตกต่างกันแบ่งย่อยเป็น 2 ชนิด คือ
          - แอนไอโซแกมีต (Anisogamete) มีรูปร่างเหมือนกัน แต่ขนาดต่างกัน  เช่น กลมเหมือนกัน  แต่มีขนาดเล็กกับใหญ่  พบในโปรติสต์บางชนิด(B)
          - โอโอแกมีต (Oogamete)  ต่างกันทั้งขนาดและรูปร่างก็ต่างกัน (เซลล์สืบพันธุ์ขนาดเล็กมีหัว มีหางเคลื่อนที่ได้  เรียกว่าสเปิร์ม  ส่วนเซลล์ตัวเมียจะมีขนาดรูปร่างกลมขนาดใหญ่  เคลื่อนที่ไม่ได้เรียกว่าไข่  พบในสัตว์ชั้นสูงและพืชชั้นต่ำบางชนิด (C)

รูปแสดง เซลล์สืบพันธุ์ที่มีรูปร่างต่าง ๆ ที่มา http://web.nkc.kku.ac.th/images/lean/3-10.jpg
 
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศในโปรติสต์
          - ซินแกมี (Sybngamy)  โปรโตซัว  2  ตัว  ก่อนการสืบพันธุ์ทำหน้าที่เป็นเซลล์ร่างกาย หากินธรรมดา  พอถึงช่วงสืบพันธุ์ต่างก็มีเซลล์สืบพันธุ์มารวมกันแล้วไปแบ่งทีหลังก็กลับมาเป็นตัวเดิม
          - Conjugation  พารามีเซียม  มี 2 ตัว มาจับคู่กัน  แต่ละตัวนั้นมีนิวเคลียส  2  อัน  นิวเคลียสอันใหญ่ เรียกว่า แมคโครนิวเคลียส  อันเล็กเรียกว่า ไมโครนิวเคลียส  แมคโครนิวเคลียส จะไม่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ แบบนี้  ไมโครนิวเคลียสจะเป็นตัวสำคัญเข้าคู่กัน  ไมโครนิวเคลียสของแต่ละตัว จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสได้ 4 นิวเคลียส  และจะสลายไป 3  เหลือ 1  แต่ละตัวจะมีไมโครนิวเคลียสเหลือ 1  เดียว  หลังจากแบ่งเซลล์ แบบไมโตซิส  เป็น 2 นิวเคลียส ซึ่งเดิมมี (n) เดียว  แบ่งแบบไมโตซิสก็ได้ (n) เดียวแต่ละตัวขณะนี้มี 2 ไมโครนิวเคลียส  ไมโครนิวเคลียสแต่ละอันมี (n) เดียว  ต่อมามีการแลก ไมโครนิวเคลียสกัน             ไมโครนิวเคลียสตัวหนึ่งไปให้อีกตัวหนึ่งแลกกันในนิวเคลียสที่มียีนอยู่นั่นคือมีการแลกเปลี่ยนยีนกันแล้ว  แล้วก็มารวมกันเป็น ไซโกต (2n) พารามีเซียม 2  ตัว  แยกออกจากกัน  แต่ยังไม่จบกระบวนการ แต่ละตัว จะแบ่งนิวเคลียสที่มี (2n)  แบบไมโตซิส 3 ครั้ง  เป็น 8 นิวเคลียส  แล้ว 8 นิวเคลียสนี้ก็จะเป็น ไมโครนิวเคลียส 4 อัน และแมคโครนิวเคลียส 4 อัน  จากนั้นจะแบ่งไปเรื่อย ๆ  จนกระทั่งพารามีเซียม 1 ตัว  ที่แยกมาก็จะเป็น พารามีเซียม  4  ตัว  แต่ละตัวจะมี 1  ไมโครนิวเคลียส  1 แมคโครนิวเคลียส  และรวมทั้งหมดจะเป็น 8 ตัว ซึ่งตัวใหม่จะมีการแลกนิวเคลียสหรือยีนกันมาทำให้แข็งแรง  ธรรมดาพารามีเซียมจะมีการสืบพันธุ์ แบบไม่อาศัยเพศ  ด้วยโดยการแบ่งไปเรื่อย ๆ  โดยยีนคงเดิม  ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมก็จะตายทั้งหมด  แต่การคอนจูชั่นมีการแลกเปลี่ยนยีนกันทำให้แปรผันไป มีความแข็งแรงและอ่อนแอต่างกัน  ฉะนั้นจึงตายไม่หมด

การสืบพันธุ์แบบคอนจูเกชั่นในพารามีเซียม ที่มา http://biodidac.bio.uottawa.ca/ftp/BIODIDAC/PROTISTA/CILIOPHO/DIAGBW/PROT018B.GIF
 
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ  จะมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์แบ่งได้เป็น 2 พวก           1.โมนีเชียส (Monoecious) หรือเรียกอีกชื่อว่า เฮอมาโพรไดต์ คือ 1 ตัว มี 2 เพศ(กระเทย)
ตัวเดียวสามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้ทั้ง 2 ชนิด มีทั้งอัณฑะและรังไข่  อัณฑะสร้างสเปิร์ม  รังไข่สร้างไข่  มีการปฏิสนธิ  2 แบบ คือ
               - การปฏิสนธิแบบข้ามตัว (Cross  fertiltzation)   ในสัตว์บางชนิดแม้จะมี 2 เพศ ในตัวเดียวกัน ก็ไม่สามารถผสมพันธุ์ในตัวเองได้เนื่องจาก สเปิร์ม กับไข่สุกไม่พร้อมกัน  ต้องมีการปฏิสนธิแบบข้ามตัว เช่น ไส้เดือน
               - การปฏิสนธิหรือผสมพันธุ์ในตัวเอง (Self  fertilization) สัตว์บางพวกที่เป็นกระเทยและสามารถ ผสมพันธุ์ในตัวเอง  พวกนี้สเปิร์มกับไข่จะสุกพร้อม ๆ กัน  ได้แก่พวกหนอนตัวแบนทั้งหลาย  เช่น พลานาเรีย  พยาธิตัวตืด
          2. ไดนีเชียส (Dioecious) คือตัวเดียวมีเพศเดียว  เป็นตัวผู้กับตัวเมีย  มีการปฏิสนธิแบบข้ามตัว  เช่น พวกสัตว์ชั้นสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น